กลุ่มคนชาติพันธุ์หน้าตาเป็นแบบไหน
คุณรู้จักชาติพันธุ์ไหนบ้าง ?
กดเลือกชาติพันธุ์ให้ถูกต้อง
ภาพจำกลุ่มชาติพันธุ์เป็นอย่างไร ?
ชาติพันธุ์คือใคร ใช่เราหรือไม่ ?
สำรวจกลุ่มชาติพันธุ์
คำว่า “ชาวเขา”
ปรากฏครั้งแรกในพระนิพนธ์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ 2 เรื่อง คือประวัติศาสตร์ “นโยบายรัฐ” กับ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในไทย
เลื่อนขวาเพื่อดูไทม์ไลน์
แบ่งเป็น 7 ส่วน คือ
สงเคราะห์ รวมพวก ที่ดิน สิทธิความเป็นไทย วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป นานาชาติ ความพยายามของกลุ่มชาติพันธุ์ในไทย
นโยบายของรัฐต่อกลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทย
มี 3 ส่วน คือ สงเคราะห์ รวมพวก และ ที่ดิน
แต่แรกเริ่ม นโยบายของรัฐ เน้นไปที่การสงเคราะห์และช่วยเหลือกลุ่มชาติพันธุ์ในเขตป่า ซึ่งนอกจากมีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาและส่งเสริมด้านสุขภาพและการศึกษาพื้นฐานแล้ว ยังมีจุดประสงค์อื่น ๆ เช่น ป้องกันการบุกรุกทำลายป่า, ปราบปรามยาเสพติด และต่อต้านขบวนการคอมมิวนิสต์
รัฐบาลได้มีการทบทวนนโยบายและวิธีการดำเนินการกับกลุ่มชาติพันธุ์ในเขตป่าอีกครั้ง เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ความมั่นคงที่เผชิญอยู่ (ซึ่งคือการแผ่ขยายของแนวคิดคอมมิวนิสต์)
ทำให้เกิดนโยบายรวมพวก เพื่อพัฒนาให้กลุ่มชาติพันธุ์ในเขตป่าเป็นพลเมืองไทย เน้นไปที่การส่งเสริมให้รักชาติและสร้างความจงรักภักดีต่อประเทศ แต่ยังคงมีนโยบายที่ลดการปลูกฝิ่น และพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของกลุ่มชาติพันธุ์ในเขตป่าเหมือนเดิม
สิทธิความเป็นไทย
นอกเหนือจากสถานการณ์ปัญหาที่กลุ่มชาติพันธุ์พบจากนโยบายรัฐแล้ว หนึ่งในปัญหาสำคัญที่พบคือการไม่ได้รับสัญชาติไทย แม้จะอยู่บนแผ่นดินไทยมาอย่างยาวนาน เมื่อไม่ได้รับสัญชาติ สิทธิต่าง ๆ ที่ควรจะได้รับเช่นเดียวกับคนไทยอื่น ๆ ก็ไม่ได้
จากการสำรวจโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2561 ในประเทศไทยมีประชากรที่ไม่มีสัญชาติไทยประมาณ 1.8 ล้านคน และข้อมูลจาก UNICEF พบว่าตั้งแต่ปี 2535 – 2561 มีการให้สัญชาติไทยแก่ชนกลุ่มน้อยรวม 272,891 คน
วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป
กระแสสิทธิทางวัฒนธรรมตื่นตัวในระดับนานาชาติ
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการพูดถึงแนวคิดสิทธิทางวัฒนธรรม (Cultural rights) ของกลุ่มชนพื้นเมือง (indigenous peoples) และชนกลุ่มน้อย (minority group) มากขึ้น ซึ่งเป็นการรับรองสิทธิให้สามารถแสดงออกซึ่งอัตลักษณ์ของตน ดำรงอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ถูกคุกคามหรือถูกกลืนจากวัฒนธรรมหลักของรัฐ
การต่อสู้-ความพยายามแก้ปัญหาในไทย
กระแสการเรียกร้องและแก้ปัญหาที่กลุ่มชาติพันธุ์ต้องเจอไม่ได้อยู่ในเวทีระดับโลกเท่านั้น ในประเทศไทยเองก็มีความพยายามในการแก้ปัญหาดังกล่าว จากภาคชนเผ่าพื้นเมือง-ประชาชน
เกือบ 2 ทศวรรษ ที่หลายฝ่ายพยายามทำให้กลุ่มชาติพันธุ์สามารถดำรงวิถีวัฒนธรรมดั้งเดิมและเข้าถึงสิทธิด้านต่าง ๆ แต่ด้วยข้อจำกัดทางนโยบายและกฎหมาย เช่น การประกาศเขตอุทยานทับที่ทำกินที่อยู่อาศัย ชุมชนในเขตป่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ได้ส่งผลต่อการเข้าถึงสิทธิและการดำรงชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์
แม้มีมติคณะรัฐมนตรี 2 มิ.ย. 2553 แนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล และ 3 ส.ค. 2553 แนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง เพื่อนำร่องแก้ปัญหา แต่มติคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่กลไกที่มีอำนาจเทียบเท่ากฎหมายอื่น ๆ อีกทั้งยังเป็นการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์เพียง 2 กลุ่ม ทั้งที่ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 60 กลุ่ม ประชากรมากกว่า 6 ล้านคน
การยกร่างกฎหมายชาติพันธุ์ ทั้ง 5 ฉบับ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของโอกาสในการเปลี่ยนแปลง สร้างความเข้าใจในการยอมรับตัวตน แทนที่อคติเดิม ๆ ที่มองกลุ่มชาติพันธุ์เป็นกลุ่มคนล้าหลัง รอรับการสงเคราะห์ช่วยเหลือ ไปสู่การให้ความสำคัญของศักยภาพทุนทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นพลังและส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ
และเมื่อสภาผู้แทนราษฎรรับหลักการในวาระแรก นำมาสู่การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ สภาผู้แทนราษฎร
จับตากฎหมายชาติพันธุ์
5 รายชื่อกฎหมาย และผู้นำเสนอ
โดย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) กระทรวงวัฒนธรรม
โดย ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ)
โดย สภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย
โดย พรรคก้าวไกล
Share This
ขอบคุณ
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
อ้างอิง