มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ปราศรัย ที่อนุสรณ์สถานลินคอล์น กรุงวอชิงตัน เมื่อ 28 ส.ค. 1963
"ข้าพเจ้ามีความฝันว่า วันหนึ่งประเทศนี้จะลุกขึ้นยืนหยัด และดำรงอยู่ภายใต้ความหมายที่แท้จริงของหลักการที่ว่า พวกเรายึดมั่นความจริงที่ประจักษ์ชัดเหล่านี้ว่า มนุษย์ทุกคนล้วนเกิดมาเท่าเทียมกัน"

มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ (Martin Luther King Jr.) เกิดวันที่ 15 ม.ค. 1929 ที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ต่อมาเขาได้เป็นศาสนาจารย์ของโบสถ์คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ตามรอยปู่และพ่อ และแต่งงานกับคอเร็ตตา สก็อต คิง นักเคลื่อนไหวและผู้นำด้านสิทธิพลเมืองชาวอเมริกัน
I have a dream
“ข้าพเจ้ามีความฝัน”
คำปราศรัยอันโด่งดังของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ นักต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองคนสำคัญของสหรัฐอเมริกา ที่เรียกร้องให้คนทุกเชื้อชาติ ทุกสีผิวในสหรัฐฯ ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม
แม้จะมีการยกเลิกทาสตั้งแต่ปี 1865 แต่ในยุคของเขาคนผิวดำยังถูกเลือกปฏิบัติ มีการออกกฎหมายที่รู้จักทั่วไปว่า “กฎหมายจิมโครว์” ที่แบ่งแยกคนผิวขาวและคนผิวดำ ทั้งในสถานที่สาธารณะและการให้บริการทุกรูปแบบ เช่น การแบ่งแยกโรงเรียน การแบ่งแยกที่นั่งบนขนส่งสาธารณะ เป็นต้น รวมไปถึงกีดกันการใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งโดยกำหนดคุณสมบัติต่าง ๆ
ภาพซ้าย : ในอดีตมีการแบ่งแยกโซนที่นั่งของคนผิวขาว และคนผิวดำบนขนส่งสาธารณะ
ภาพขวา : บารัค โอบามา ประธานาธิบดีชาวแอฟริกันอเมริกันคนแรก นั่งบนรถบัสคันที่ผู้หญิงผิวดำโดนจับ เพราะไม่สละที่นั่งให้คนขาว จนนำไปสู่จุดเริ่มต้นการต่อสู้เรียกร้องสิทธิพลเมืองของคนผิวดำ


เส้นทางการต่อสู้
มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

จุดเริ่มต้น
Montgomery Bus Boycott
ศาลตัดสิน

ตั้งองค์กร SCLC
เดินทางไปอินเดีย

"I have a dream"
ผ่านรัฐบัญญัติสิทธิพลเมือง

รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

เสียชีวิต
55 ปีผ่านไป
หลัง มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ เสียชีวิต
การปฏิบัติต่อคนดำในสหรัฐฯ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม ?
สำรวจความเปลี่ยนแปลงผ่านมุมมองของชาวอเมริกัน
จากความคิดเห็นของชาวอเมริกัน ปี 2023 สะท้อนว่า การเลือกปฏิบัติระหว่างคนดำและคนขาวยังปรากฏให้เห็นอยู่ในสังคมอเมริกา โดยเฉพาะเมื่อ “คนดำ” ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ อย่างการเจรจากับตำรวจ, การทำธุรกรรมเพื่อกู้ยืม-จำนอง และการจ้างงาน ที่การได้รับค่าตอบแทนและการเลื่อนตำแหน่งเป็นไปอย่างไม่เท่าเทียม
สำนักข่าววอชิงตัน โพสต์ เปิดสถิติน่าสนใจ ปี 2022 ที่พบว่า มี “คนผิวดำ” เสียชีวิตอันมีสาเหตุมาจากตำรวจถึง 224 คน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น
สถิติการเสียชีวิตอันมีสาเหตุมาจากตำรวจอเมริกัน
Black Lives Matter
หนึ่งในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและต่อต้านการเลือกปฏิบัติทางสีผิว หลัง จอร์จ ฟลอยด์ ชายอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวใช้ความรุนแรงในการจับกุมจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตเมื่อปี 2020
The Visual ชวนย้อนไปดูระดับความสนใจของ Black Lives Matter ที่มีการค้นหาบน Google ในสหรัฐอเมริกา ช่วง 3 เดือน หลัง จอร์จ ฟลอยด์ เสียชีวิต
จากแผนที่ด้านบนเห็นได้ว่า แม้ “รัฐมินนิโซตา” จะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราว จอร์จ ฟลอยด์ แต่ผู้คนในพื้นที่นั้น ไม่ได้ให้ความสนใจต่อ Black Lives Matter มากเท่ากับรัฐที่อยู่ห่างออกไป
สำหรับคุณแล้ว คิดว่าสิทธิพลเมืองของคนดำในสหรัฐฯ ดีขึ้น เหมือนเดิม หรือแย่ลง ?
คลิกตัวเลือกด้านล่างนี้ ▽
ดีขึ้นอย่างมาก
ชาวอเมริกันผิวดำคิดเหมือนคุณ
ดีขึ้นเล็กน้อย
ชาวอเมริกันผิวดำคิดเหมือนคุณ
เหมือนเดิม
ชาวอเมริกันผิวดำคิดเหมือนคุณ
แย่ลงเล็กน้อย
ชาวอเมริกันผิวดำคิดเหมือนคุณ
แย่ลงอย่างมาก
ชาวอเมริกันผิวดำคิดเหมือนคุณ
.*ผลสำรวจ ปี 2013 โดย Statista

“เราจะทำให้ความสามารถในการอดทนต่อความทุกข์ของเรา เสมอกับความสามารถของท่านในการสร้างความทุกข์ระทมให้เรา
สักวันหนึ่งเราจะสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งเสรีภาพที่หาใช่เพียงเสรีภาพเพื่อตัวของพวกเราเองไม่ เราจะร้องอ้อนวอนต่อหัวใจและมโนธรรมของท่านว่า
เราจะเอาชนะท่านในขณะที่ผ่านกระบวนการนั้น และชัยชนะของเราจะมีความหมายเท่ากับชัยชนะเป็นสองเท่า”
หนังสือ จงมีใจที่แข็งแกร่ง และ หัวใจที่อ่อนโยน หน้า 44 เขียนโดย มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์