แนวคิดเชื่อมทะเล 2 ฝั่ง ระหว่างฝั่งทะเลอันดามัน – ฝั่งอ่าวไทย เป็นแนวคิดที่มีมาอย่างยาวนาน ปรากฏในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ พ.ศ. 2220 ในสมัยอยุธยา สมัยรัตนโกสินทร์ เรื่อยมาจนภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475
พ.ศ. 2531 รัฐบาล พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ สนับสนุนโครงการอย่างชัดเจน เน้นนโยบายให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาสัมปทาน ซึ่งมีไต้หวัน เยอรมนี ญี่ปุ่น เสนอตัวลงทุน แต่รัฐบาลก็ยังไม่ได้พิจารณา
พ.ศ. 2532 ครม. อนุมัติแผนพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ หรือ ‘เซาเทิร์นซีบอร์ด’ (Southern Seaboard Development Plan: SSB) มีสาระสำคัญที่จะพัฒนา “สะพานเศรษฐกิจ”” (Land bridge) เชื่อมโยงทะเลอันดามันและอ่าวไทย
พ.ศ. 2533 รัฐบาล พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ ให้ความสำคัญกับโครงการ ‘อีสเทิร์นซีบอร์ด’ (Eastern Seaboard) ที่เป็นการเปิดประตูสู่อินโดจีนมาเป็นอันดับ 1 การขุดคลองจึงสำคัญรองลงมา ไม่มีการรีบเร่งพิจารณา หลังจากนั้นก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้ง เพราะรัฐบาลถูกรัฐประหารโดย รสช. (นำโดย พล.อ. สุจินดา คราประยูร)
โครงการเส้นทางยุทธศาสตร์พลังงาน (Strategic Energy Land Bridge) และโครงการจัดตั้งคอมเพล็กซ์ปิโตรเคมี หรือ SELB เชื่อมโยงพื้นที่ทับละมุ จ.พังงา (ฝั่งทะเลอันดามัน) กับ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช (ฝั่งอ่าวไทย) และถือว่าเป็นโครงการหลักตามแผนพัฒนา ‘เซาเทิร์นซีบอร์ด’
เชื่อมโยงโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล (ฝั่งทะเลอันดามัน) กับท่าเรือน้ำลึก จ.สงขลา (ฝั่งอ่าวไทย) เพื่อให้เป็นประตูการค้าฝั่งทะเลอันดามัน ภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ (Logistics Master Plan)
17 เม.ย. 2561 พื้นที่ฝั่งสตูล (อุทยานธรณีสตูล) ได้รับการประกาศเป็นอุทยานธรณีโลกจากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) จึงต้องยุติโครงการลง
22 พ.ย. 2562 ได้มีการทำบันทึกข้อตกลงแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาจ้างโครงการศึกษาทบทวนและสำรวจออกแบบรายละเอียดและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในรายละเอียด หรือ EHIA เพื่อยุติการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก จ.สตูล (ปากบารา)